วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คนไหนไม่ใช่เนื้อคู่ของคุณ

ใครล่ะที่พวกเราไม่ควรคว้ามาเป็นแฟน เพราะสวรรค์ ไม่ได้ส่งคนนั้นมาให้เป็นคู่แท้ของคุณๆน่ะซี ดังนั้น ขืนเป็นแฟนกันไป ไม่ใครก็ใครคงต้องซดน้ำใบบัวบกแน่นอน แต่หากจะซดน้ำเก๊กฮวยแก้เก๊กซิมแทนก็ได้ ไม่ผิดกติกา ดังนั้น ถ้าอยากรู้ว่าใครน้อไม่เหมาะที่เราจะคว้ามาเป็นแฟน ขอให้ พิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้
          1. ถ้าฝ่ายนึงบ้าช็อปฯ ขณะที่อีกคนเห็นว่า เงินที่นำไปซื้อนั่นซื้อนี่ไม่หยุดน่ะ ควรเก็บไว้เป็นเงินออมเพื่ออนาคตดีกว่ามั้ง แสดงว่าสองคนนี้ไม่ควรเป็นแฟนกัน ขืนมนุษย์สองคนคิดจะรักกัน แต่บังเอิ๊นเกิดมีความเห็นในเรื่องเงินๆทองๆ (ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารปนคอขาดบาดตายสำหรับชีวิตคู่เชียวนะ) ไปคนละทางหยั่งงี้
          ตอนแรกๆ ฝ่ายที่มองว่าเป็นความ สิ้นเปลืองคงยอมตามใจไปก่อนแหงล่ะ แต่นานวันเข้า เจ้าความรู้สึกที่เค้าแอบสะสมความไม่พอใจอยู่นั้น ระวังจะระเบิดเอานะเฟ้ย เพราะอาการขุ่นเคืองเรื่องใช้ตังค์น่ะ จะไปสร้างความผิดหวังจนก่อตัวเป็นความฉุนเฉียว และพาไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกันในที่สุด ทีนี้รู้รึยังล่ะ ว่าคู่นี้ไม่เหมาะกันยังไง ดังนั้น กรุณาไปหาแฟนเอาดาบหน้าเถอะ หวังว่าคงเจอที่สมน้ำสมเนื้อกว่านี้นะ
          2. ถ้าฝ่ายนึงอยากมีลูก แต่อีกข้างบอกอย่ามีดีกว่า จะเพราะรู้ตัวว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงหรือกลัวลูกที่เกิดมาจะลำบาก และเหตุผลอื่นๆ อีกเป็นกะตั้ก นี่ก็ส่อว่าเป็นแฟนกันไม่ได้อีก แต่อุบอิบนิดนึง ถ้าชายเป็นฝ่ายไม่อยากมีลูกซะเอง ยังถือว่าผู้หญิงไม่ถูกกดดันมากนัก จึงพออะลุ่มอล่วยเป็นแฟนกันได้ เพราะถึงไงสาวๆมักคล้อยตามและอยากเอาใจแฟนน่ะซี
          ในทางตรงข้าม ลองฝ่ายหญิงไม่อยากมีลูกแต่ฝ่ายชายอยากมีจนตัวสั่นสิ หากยังอยากเป็นแฟนก็ได้ร้อก แต่ระวังเค้าจะหันไปผลิตทายาทกับสาวอื่นนะ โถ...เรื่องนอกกายน่ะ งานถนัดของหนุ่มๆนักแหละ เชื่อมือเพ่ได้เลยน้อง
          3. ถ้ารสนิยมแตกต่างราวสวรรค์กะนรก... เอ้ย...แตกต่างกันราวขั้วบวกกะขั้วลบ แล้วจะเป็นแฟนกันยืดแค่ไหนเชียว  หากฝ่ายนึงถูกเลี้ยงดูมาแบบคุณหนูชะมัดเลย จึงชอบแต่งตัวเนี้ยบ และเสื้อผ้าทุกชิ้นต้องผ่านการซักรีดอย่างประณีตและพิถีพิถัน แถมไม่มีทางหยิบเสื้อผ้าที่เคยใส่แล้วมาใส่อีกเด็ดขาด ไม่เหมือนกะอีกคนที่ให้ใส่เสื้อผ้าซักมั่งซ้ำบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นคนง่ายๆ เจ้ารสนิยมที่ต่างขั้วต่างแนวกันงี้แหละ นึกสิว่าจะเป็นแฟนกันได้มะ?
          ไม่ต้องรีบตอบก็ได้  เพราะอย่าลืมว่า ในชีวิตจริง พวกคุณคงไม่ได้มีรสนิยมแตกต่างกันแค่นี้หรอก ยังมีอย่างอื่นอีกเพียบที่ทำให้ ทั้งคู่ (ซึ่งหากเปรียบเทียบเป็นสี ก็คงเป็นสีขาวกะสีดำ) ต้องทนกันอีกเยอะ ที่เล่าเนี่ยก็แค่น้ำจิ้ม แต่ชีวิตจริงน่ะ ถ้ารสนิยมต่างกันราวฟ้ากับเหวยังไม่พอ เพราะต่างฝ่ายต่างยังยอมรับในความแตกต่างของกันและกันไม่ได้ซะด้วย
          ทั้งๆที่ตอนแรกนึกว่าจะทำเป็นลืมๆและมองข้ามไปแล้วนะ อู้ย ขืนทนกันไปก็เท่านั้น ในเมื่อเข้ากันไม่ได้ และรับกันไม่ลง แล้วจะเป็นแฟนกันได้อีกกี่วันน้อ เมื่อไหร่เซ็ง กันเองแล้วอย่าหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะเฟ้ย
          4. ถ้าคนนึงชอบอยู่กับเพื่อน ส่วนอีกคนชอบอยู่กับแฟน แล้วรักจะลงตัวรึ  บางคนมีแฟนแล้วนึกว่าตัวยังโสด โห มีเยอะ จึงชอบคลุกอยู่กับเพื่อน ชอบสังสรรค์เฮฮา ถึงมีแฟนแล้วก็ยังทำตัวเหมือนเดิมเปี๊ยบ ซึ่งต่างจากอีกฝ่ายที่พอมีแฟน ก็อยากมีเวลาอยู่กับแฟนตามลำพังมั่งฮี่ ไม่ใช่ว่าไม่อยากคบเพื่อนต่อไปนะ
          แต่หลังจากมีแฟน ก็อยากมีเวลาทำความรู้จักกับแฟนให้มากสิยะ ขืนไม่รู้จักกับตัวตนของแฟนให้ชัดแจ้งแดงแจ๋ละก็ จะมัดใจให้เค้าอยู่กับเรานานๆได้ไงล่ะตัว  ยิ่งเดี๋ยวนี้ไอ้พวกบ้าชอบแย่งแฟนคนอื่นแบบไร้สมบัติผู้ดียิ่งคอยเป็นมือที่ 3 มาแหย่ให้อยาก แล้วจากไปซะด้วย จึงควรรู้ให้ทันเล่ห์ ของพวกชอบทำลายความรักของคนอื่นไว้มั่ง แต่หากแฟนของคุณยังชอบสุมหัวอยู่กับเพื่อน และแยกแยะแบ่งเวลาไม่ถูกสักที โอ้โห เรื่องเล็กๆแค่นี้ยังจัดระเบียบไม่เป็น แล้วยังหวังอะไรจากเค้าได้อีกหึ
          5. ถ้าฝ่ายนึงไม่เข้าใจ หรือไม่รับมุก และคำพูดที่อีกฝ่ายอยากกระเซ้าเย้าแหย่ หรือพูดเล่นให้ขำๆ ไม่ทันละก็ โอ๊ะโอ ถือเป็นลางร้าย  การพูดเล่นหรือล้อเลียนอะไรต่อกันเนี่ย ถ้าเพื่อนไม่เก็ตมุกก็ช่าง แต่หากแฟนกันเองยังไม่เข้าใจนี่สิ เป็นเรื่องได้นะหนูนะ แต่เขียนนี่ ต้องเป็นคู่ที่ “พูดเล่น” กันแล้วไม่เก็ตทุกเรื่องนะ ไม่ใช่เก็ตบ้าง ไม่เก็ตบ้าง ยังถือว่าโอเค พอไปกันได้
          อย่าถึงกับไม่เข้าใจกันซะเลยก็พอ เพราะแสดงว่าไม่ใช่คู่แท้โลกเดียวกันน่ะสิ แถมเวลาปล่อยมุก ก็ควรเป็นมุกที่เข้าท่าด้วยนะ ไม่ใช่มุกแป้ก ฟังแล้วไม่เห็นขำ หรือคนฟังได้ยินแล้วทำหน้าเหลอกันเป็นแถว ขืนไม่รีบปรับมุกให้เข้าท่ากว่าเดิม ก็เตรียมซาโยนาระจากแฟนคนนี้ได้เลย เพราะไม่ใช่เนื้อคู่กันนะสิฮ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น